5 เรื่องแปลกที่แอบซ่อนอยู่ในตำนานที่ทำให้คุณต้องทึ่ง
ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินั้นมักจะมีแง่มุมแปลก ๆ ชวนให้เกิดข้อสงสัยอยู่เสมอจนกลายมาเป็นเกร็ดตำนานแปลก ที่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบมาอธิบายในเรื่องดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของสถานที่ หรือแม้แต่ผู้คน สิ่งเหล่านี้ก็ชวนให้เราติดตามและหลงไหลได้เสมอ โดยในวันนี้เราได้รวบรวมเอาตำนานที่ว่านี้มาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจให้คุณผู้อ่านได้ติดตามกันอย่างสนุกสนาน….ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันได้เลยในบทความนี้
5.กองทัพที่สาบสูญของชาวโรมัน
ในอดีตเมื่อนานมาแล้วในยุคสมัยที่ชาวโรมันยังคงรบเพื่อชิงเอาอาณาจักรมาไว้ภายใต้อาณัติของตนนั้น ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าประหลาดขึ้นเมื่ออยู่ดี ๆ กองทหารของโรมันกอิงหนึ่งได้หายสาบสูญไปในระหว่างที่พวกเขากำลังถอยทัพกลับมาจากสงครามภายหลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับชาวพาร์เธีย เรื่องนี้สร้างความฉงนให้กับนักประวัติศาสตร์เป็นอย่างมากว่า สรุปแล้วพวกเขาหายไปไหนกันแน่จนกระทั่งในที่สุดก็ได้เกิดเหตุประหลาดขึ้นเมื่อพวกเขาค้นพบร่างที่ไร้ลมหายใจที่คล้ายกับชาวโรมันในบริเวณทะเลทรายโกบี
จากการตรวจพิสูจน์ของแพทย์พบว่าพวกเขานั้นมีดีเอนเอที่คล้ายกับชาวยุโรปมากกว่าคนเอเชีย จนนักประวัติศาสตร์ต่างก็พากันเอาเรื่องราวดังกล่าวมาเชื่อมโยงกันว่า หรือแท้ที่จริงแล้วนั้นทหารกลุ่มนี้คือผู้ที่หลงทางมาจากเหตุการณ์ในคราวนั้นกันแน่ ?
4. หุบผาไร้หัว (Valley of the Headless Men)
สถานที่แห่งนี้ตั้งอย่ที่บริเวณอุทยานแห่งชาติทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดา ส่วนสาเหตุที่สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าหุบผาไร้หัวก็เพราะ จำนวนของผู้ที่เสียชีวิตภายในหุบเขาแห่งนี้มีจำนวนที่สูงมากตั้งแต่ปี 1908 -1945 ไม่ว่าจะเป็นร่างที่เสียชีวิตแบบเป็นปริศนาของชายที่พลัดหลงอยู่ในหุบผา หรือ คนขุดแร่ที่ถูกตัดศรีษะ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นจนไม่มีใครกล้าที่จะย่างกรายเข้าไปใกล้สถานที่ดังกล่าวเพราะเชื่อกันว่ามันมีวิญญาณชั่วร้ายสิงสถิตอยู่ แม้กระทั่งชาวอินเดียนแดงที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่แรกก็ยังมีตำนานน่ากลัวเล่าขานถึงสถานที่แห่งนี้
อีกมุมหนึ่งของหุบผาสยอง อย่างไรก็ตามนอกจากในแง่ของความเชื่อที่ค่อนข้างจะน่ากลัวแล้ว ในอีกแง่มุมหนึ่งที่แห่งนี้ยังคงเป็นพื้นที่ปริศนาที่มีผู้ให้ความสนใจ จนถึงขั้นที่ว่ามีผู้เชื่อว่ามันมีประตูสู่อีกโลกหนึ่งแอบซ่อนเอาไว้อยู่ภายใต้เงื้อมเงาของหุบผามรณะแห่งนี้
3. ปีที่สาบสูญของพระเยซู (Jesus Lost Years)
ทฤษฎีที่ว่านี้มาจากแนวคิดของ นิโคลัส โนโตวิช (Nicolas Notovitch) ที่ได้จุดประกายแนวความคิดนี้ขึ้นมา โดยเขาได้ออกเดินทางเพื่อศึกษาคัมภีร์ทางศาสนาในประเทศต่าง ๆ แถบบริเวณเอเชีย และได้ค้นพบว่าทุกบันทึกมีการเขียนถึงชายปริศนาผู้มีนามว่า Issa หรือ อีกชื่อเรียกหนึ่งที่ผู้คนรู้จักกันดีก็คือพระเยซูคริสต์นั้นเอง
Nicolas Notovitch ผู้คิดค้นทฤษฎีปีที่หายไปของพระเยซู ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าพระเยซูคริสต์ได้เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อศึกษาแนวความคิดจากลัทธิต่าง ๆ ที่มีอยู่แต่เดิมก่อนที่จะนำมันกลับไปยังเยรูซาเล็มและประกาศศาสนาคริสต์ แต่แน่นอนว่าแนวความคิดของเขานั้นถูกต่อต้านอย่างหนักโดยผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และถูกมองว่าเป็นการนำหลักฐานมาตีความเอามั่ว ๆ เสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนนักว่าสิ่งที่ นิโคลัส โนโตวิช พูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่แต่ประการใด
2. เรื่องประหลาดในวันประกาศอิสระภาพของอเมริกา (Mystery On Independent Day)
วันประกาศอิสระภาพของอเมริกา วันที่ประชาชนชาวอเมริกาภาคภูมิใจที่สุดวันหนึ่งที่ได้เกิดมาเป็นคนอเมริกัน แต่คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่าในการประกาศอิสระภาพได้มีบุคคลปริศนาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาและสร้างความลังเลให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่แล้วก็มีชายไม่ทราบชื่อคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้วกล่าวคำปราศัยที่ทรงพลังต่อหน้าผู้คนในที่ประชุมทำให้ผู้คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นเกิดความกล้ามากขึ้นที่จะยืนหยัดต่อต้านชาวอังกฤษ และยอมรับญัตตินี้ในที่สุด จนมีผู้ที่พยายามหากันว่าชายคนนี้เป็นใครกันแน่เพราะเขาหายตัวไปแทบจะในทันทีหลังจากที่มีการอภิปรายกันจบในประเด็นดังกล่าว
มีบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยอยู่คนหนึ่งที่มีคนเชื่อกันว่าน่าจะเป็นเขาคนนี้นั้นก็คือ เคาท์ เวนต์ เกอร์แมน ชายปริศนาที่มักจะไปปรากฏตัวในเหตุการณ์สำคัญ ๆ จนได้รับสมยานามว่า Wonder man นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เชื่อกันอีกว่าชายปริศนาคนนี้เป็นผู้ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในเรื่องของกาออกแบบลายธงชาติสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ที่ทำนายแบบแผนทางการเมืองเอาไว้ให้กับอเมริกาในอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันชายปริศนาคนนี้ก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ในราชสำนักของประเทศฝรั่งเเศสที่ให้ความช่วยเหลือประเทศอเมริกาในตอนนั้น ด้วยเหตุนี้เองเรื่องดังกล่าวจึงเป็นปริศนาที่ทำให้หลาย ๆ คนนำมาคิดกันต่อว่าแล้วแท้จริงนั้นชายคนนี้เป็นใครกันแน่
1. ปริศนาแอตแลนติสมหานครในตำนาน (Lost City of Atlantis)
เรื่องราวของมหานครที่ยังสาบสูญแห่งนี้กลายมาเป็นประเด็นให้นักวิจัยขบคิดกันว่าแท้ที่จริงแล้วมหานครแห่งนี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะในสมุดบันทึกของ เพลโต (Plato) นั้นได้กล่าวเอาไว้ว่ามันคือทวีปที่อยู่ใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติส ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นที่อยู่ของผู้ทรงธรรมและมีเทคโนโลยีที่สูงส่งเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยง่ายและเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ราวกับทวยเทพเป็นผู้เสกสรรค์
แผนที่ Atlantis ถ้าหากมีจริงมันจะอยู่ในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้มหานครแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ดำมืดอยู่ท่ามกลางความสงสัยของผู้คนว่าสรุปแล้วมันมีจริง หรือไม่กันแน่ ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้รู้กันเสียทีว่ามหานครแห่งนี้อยู่ที่ไหนสำหรับในตอนนี้คงต้องรอกันไปก่อนจนกว่าความจริงจะถูกเปิดเผย
และนี้คือเรื่องราวที่ยังคงแอบซ่อนเอาไว้อยู่ในมุมหนึ่งของหน้ากระดาษรอให้คนเข้าไปขุดคุ้ยค้นหาความจริง จนกว่าจะถึงวันที่ความจริงเปิดเผยเราในฐานะที่เป็นแฟนของเรื่องลึกลับก็คงต้องทำใจรอดูชมกันต่อไปว่าในที่สุดแล้วปริศนาเรื่องไหนบ้างที่จะได้รับการอธิบายอย่างแน่ชัด และ ปริศนาเรื่องไหนบ้างที่จะถูกกลืนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล
Credit:https://daily.rabbit.co.th/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น